เสาเข็มเจาะสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะการใช้งานและวิธีการเจาะเสาเข็ม ดังนี้:
- เสาเข็มเจาะขนาดเล็ก (Small Diameter Bored Pile):
- จะ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 35-60 เซนติเมตร
- เหมาะสำหรับงานก่อสร้างบ้านพักอาศัย หรือโครงสร้างขนาดเล็ก ที่ไม่สูงมาก
- มีความลึกโดยทั่วไปประมาณ 18-23 เมตร(ในกรุงเทพและปริมณฑล)
- มีราคาถูกที่สุด
- เสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ (Large Diameter Bored Pile):
- มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 60 เซนติเมตร ขึ้นไป
- เหมาะสำหรับงานก่อสร้างอาคารสูง หรือโครงสร้างที่ต้องการรับน้ำหนักมากๆ
- มีความลึกตั้งแต่18-65 เมตร หรือมากกว่านั้น
- มักใช้ในงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น สะพาน หรืออาคารสูง คอนโด
- เสาเข็มเจาะแบบแห้ง (Dry Process Bored Pile):
- เป็นวิธีการเจาะที่ไม่มีการใช้น้ำหรือสารละลายใด ๆ ในระหว่างการเจาะ หรือเจาะ ก่อนถึง ชั้นทราย ไม่ใช่เจาะถึงชั้นทราย เพราะจะมีน้ำไหลเข้าหลุมเจาะ
- เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีดินค่อนข้างแข็ง และไม่มีปัญหาน้ำใต้ดิน หรือเจาะก่อนถึงชั้นดินทราย
- มีข้อดีคือสามารถควบคุมคุณภาพของคอนกรีตผสมเสร็จได้ง่าย เจาะได้ไว คุณภาพดี
- เสาเข็มเจาะแบบเปียก (Wet Process Bored Pile):
- เป็นวิธีการเจาะที่ใช้สารละลายเบนโทไนต์ (Bentonite) หรือโพลิเมอร์ เพื่อป้องกันการพังทลายของดินในหลุมเจาะ ในเคสที่เจาะในชั้นดินทราย
- เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีดินทราย กรวด หรือชั้นดินที่มีน้ำใต้ดิน
- ช่วยให้สามารถเจาะเสาเข็มได้ลึกมากขึ้น และมีประสิทธิภาพในการรับน้ำหนักที่ดีมากขึ้น
- เสาเข็มเจาะแบบใช้ปลอกเหล็ก (Cased Bored Pile):
- มีการใช้ปลอกเหล็กในการป้องกันการพังทลายของดินในหลุมเจาะ โดยจะใส่ปลอกเมื่อพื้นที่ที่มีดินอ่อน หรือเจาะในน้ำ
- ปลอกเหล็กจะช่วยให้สามารถเทคอนกรีตได้โดยที่ดินไม่พัง หรือ คอนกรีตที่เท ไม่ไปปะทะกับหลุมเจาะ จนดินหล่นลงหลุมเจาะ และมีคุณภาพที่สูงกว่า
- เป็นวิธีที่เพิ่มความแข็งแรงให้ผนังเจาะ ในการเจาะเสาเข็ม ในชั้นดินนิ่ม หรือชั้นดินที่ไม่แข็งแรง
- เสาเข็มเจาะแบบไม่ใช้ปลอกเหล็ก (Uncased Bored Pile): (ส่วนใหญ่ จะเจาะโดยรถเจาะล้อยาง) และไม่แนะนำ!!!!
- วิธีนี้การเจาะแบบนี้ จะไม่มีการใช้ปลอกเหล็กในการเจาะเสาเข็ม เหมาะกับงานพื้นบ้าน ชนบท ต่างจังหวัด เพราะเจ้าของบ้าน จะไม่มีความรู้ในวิศวกรรมมากนัก โดยส่วนใหญ่จะใช้รถเจาะล้อยาง เพราะจะทำได้ไวมาก และราคาถูกมาก
- ข้อดีคือจะลดค่าใช้จ่ายเรื่องในการเจาะ ได้มาก และงานไม่ค่อยมีคุณภาพ เพราะเวลาเทคอนกรีต คอนกรีตจะไปกระแทกกับผนังหลุม จนอาจทำให้มีดินหล่นเข้าหลุมเจาะได้ง่าย ทำให้เสาเข็มไม่มีคุณภาพ และไม่แนะนำให้เจาะวิธีนี้ !!!!
- เสาเข็มเจาะแบบต่อเนื่อง (Contiguous Bored Pile):
- เป็นการเจาะเสาเข็มที่มีระยะห่างกันเล็กน้อย เพื่อสร้างกำแพงกันดิน หรือไดอะแกรมวอลล์
- เหมาะสำหรับงานก่อสร้าง ที่มีชั้นใต้ดิน หรือโครงสร้างที่ต้องการป้องกันการเคลื่อนตัวของดิน เช่น ริมตลิ่ง ริมคลอง
- เสาเข็มเจาะแบบซ้อน (Secant Bored Pile):
- เป็นการเจาะเสาเข็มให้มีส่วนที่ซ้อนทับกัน บางส่วน เพื่อสร้างกำแพงกันดินที่มีความแข็งแรงสูง และป้องกันดินสไลด์
- เหมาะสำหรับงานก่อสร้างในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ เช่นพื้นที่แคบ
- ช่วยให้สามารถสร้างกำแพงกันดินที่มีความหนาแน่นสูงได้
- มีราคาสูงกว่านิดหน่อย เพราะทำงานได้ยากขึ้น
- เสาเข็มเจาะแบบใช้ระบบสว่าน (Auger continue Pile):
- วิธีนี้เป็นวิธีการเจาะที่ใช้สว่านแบบพิเศษในการเจาะดินและ ใช้แกนสว่านในการลำเลียงคอนกรีตลงไปเทก้นหลุมพร้อมกัน โดยใช้ปั้มคอนกรีต ฉีดปูนเข้าแกนสว่าน เพื่อลำเลียงคอนกรีตไปก้อนหลุม
- เป็นวิธีที่รวดเร็ว
- เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องการความรวดเร็วในการทำงาน และมีความลึกไม่มาก
- ไม่นิยมในประเทศไทย เพราะในสมัยก่อน มีข้อผิดพลาดเยอะ เสาเข็มขาดได้ง่าย แต่สมัยนี้ ในต่างประเทศ ใช้ระบบคอมในการสั่งจ่ายคอนกรีตให้ต่อเนื่อง ไม่ขาดช่วง แต่ก็ยังไม่นิยมในบ้านเราอยู่ดี
ปัจจัยในการเลือกประเภทเสาเข็มเจาะ
การเลือกประเภทของเสาเข็มเจาะที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น:
- ข้อที่สำคัญที่สุดคือ สภาพดิน: ประเภทของดิน, ความแข็งแรงของดิน, และระดับน้ำใต้ดิน
- ขนาดและน้ำหนักของโครงสร้าง: เพราะโครงสร้างขนาดใหญ่ต้องการเสาเข็มเจาะ ที่มีความสามารถในการรับน้ำหนักมากกว่า.
- ข้อจำกัดด้านพื้นที่ ขนาดพื้นที่ : พื้นที่ที่มีข้อจำกัดอาจต้องการวิธีการเจาะที่แตกต่างกัน.
- งบประมาณ: ค่าใช้จ่ายในการเจาะเสาเข็ม แตกต่างกันไปตามประเภทและวิธีการเจาะเสาเข็ม ในแต่ละพื้นที่
การเลือกประเภทของเสาเข็มเจาะที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ต่อความมั่นคงและปลอดภัยของโครงสร้าง การปรึกษากับวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
ติดต่อได้ที่ เสาเข็มเจาะ.net ……..063-635-6359 ……. 063-635-6395
ไอดีไลน์ 0636356359 …….. อีเมล์ 6356359@gmail.com
