งานเสาเข็มเจาะเป็นกระบวนการสำคัญในงานฐานรากของโครงการก่อสร้างเกือบทุกประเภท ตั้งแต่อาคารขนาดเล็กไปจนถึงโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น อาคารสูง สะพาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม ราคาของงานเสาเข็มเจาะนั้นไม่สามารถกำหนดได้ตายตัว เพราะมีตัวแปรหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางเทคนิคและภาคสนาม
บทความนี้จะเจาะลึกถึง “ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาของงานเสาเข็มเจาะ” โดยเฉพาะสามด้านสำคัญ ได้แก่ ความลึกของเสาเข็ม, ลักษณะของชั้นดิน, และ เครื่องจักรที่ใช้ในงาน เพื่อช่วยให้ผู้ว่าจ้าง วิศวกร หรือเจ้าของโครงการสามารถเข้าใจภาพรวมและประมาณราคางานได้อย่างแม่นยำ
1. ความลึกของเสาเข็ม (Pile Depth)
1.1 ทำไมความลึกถึงมีผลต่อราคา
ความลึกของเสาเข็มเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ส่งผลโดยตรงต่อราคางาน เพราะเป็นตัวแปรหลักในการกำหนด ปริมาณวัสดุที่ต้องใช้ เช่น คอนกรีต เหล็กเสริม และความยากของกระบวนการก่อสร้าง
1.2 รายละเอียดที่ควรพิจารณา
- ยิ่งลึก = ยิ่งแพง: ราคาจะเพิ่มขึ้นตามระยะความลึก เช่น เสาเข็มลึก 25 เมตร จะมีราคาต่อเมตรสูงกว่าเสาเข็ม 15 เมตร เพราะต้องใช้วัสดุมากขึ้นและใช้เวลาทำนานกว่า
- ค่าใช้จ่ายในการเสริมเหล็ก: เสาเข็มที่ลึกต้องใช้เหล็กเสริมที่แข็งแรงขึ้น และบางกรณีต้องใช้เหล็กเสริมซ้อน (Lapping) เพื่อรองรับแรงกระทำแนวดิ่งและแนวนอน
- ค่าคอนกรีต: ความลึกที่มากขึ้นเท่ากับต้องใช้ปริมาณคอนกรีตเพิ่มขึ้นแบบเป็นสัดส่วน
- เวลาทำงาน: เสาเข็มลึกกว่าใช้เวลามากกว่าในการเจาะและเทคอนกรีต
1.3 แนวทางลดต้นทุนจากปัจจัยความลึก
- ศึกษา Soil Report อย่างละเอียดเพื่อกำหนดความลึกที่จำเป็นจริงๆ
- ใช้ระบบการตรวจสอบระหว่างงาน เช่น PDA test เพื่อลดความจำเป็นในการเจาะลึกเกินความจำเป็น
- เลือกใช้เสาเข็มขนาดเหมาะสมเพื่อกระจายแรงรับน้ำหนักโดยไม่ต้องเพิ่มความลึกมาก
2. ลักษณะของชั้นดิน (Soil Condition)
2.1 ดินแต่ละประเภทมีผลอย่างไร
สภาพของดินในพื้นที่ก่อสร้างเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อทั้ง ระยะเวลา, เทคนิค, และ ค่าใช้จ่าย ในการเจาะเสาเข็ม
ประเภทดิน | ลักษณะการเจาะ | ผลกระทบต่อราคา |
---|---|---|
ดินเหนียวอ่อน | เจาะง่าย แต่เสี่ยงผนังถล่ม | ราคากลาง – ต้องใช้สารเคมีป้องกัน |
ดินทราย | ซึมน้ำง่าย ผนังพังง่าย | ราคาสูง – ต้องใช้ bentonite หรือ casing |
ดินแข็ง/ชั้นหิน | เจาะยาก ใช้เวลานาน | ราคาสูงมาก – ใช้หัวเจาะพิเศษ |
ดินปนกรวด | อาจทำให้เจาะเบี้ยว | ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณกรวด |
2.2 ปัญหาที่ดินก่อได้
- ผนังหลุมพัง → ต้องใช้ปลอกเหล็กหรือสารละลาย bentonite
- น้ำใต้ดินไหลเข้า → ต้องเพิ่มขั้นตอนควบคุมน้ำ เพิ่มค่าใช้จ่าย
- เจาะไม่ตรงแนว → ต้องใช้ระบบแนะนำแนวที่แม่นยำ
2.3 วิธีลดผลกระทบจากสภาพดิน
- ทำการ เจาะสำรวจดิน (Soil Boring) อย่างน้อย 2-3 จุดในไซต์งาน
- ให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์สภาพดินและเสนอวิธีเจาะที่เหมาะสม
- เตรียม BOQ ที่ยืดหยุ่น รองรับความเปลี่ยนแปลงของชั้นดิน
3. เครื่องจักรที่ใช้ในการเจาะ (Drilling Equipment)
3.1 ประเภทของเครื่องจักรที่พบในงานเสาเข็มเจาะ
เครื่องจักรที่ใช้ในงานเสาเข็มเจาะมีหลายประเภท แต่ละชนิดเหมาะกับสภาพงานและส่งผลต่อราคาต่างกัน:
ประเภทเครื่อง | ลักษณะเด่น | เหมาะกับงาน | ราคาต่อหลุมโดยประมาณ |
---|---|---|---|
Rotary Rig | เจาะลึกได้ดี ใช้งานกว้าง | ดินอ่อน-แข็งปานกลาง | ปานกลาง-สูง |
Hydraulic Rig | เจาะเร็ว ควบคุมแม่นยำ | งานในเมือง พื้นที่แคบ | สูง |
Bucket Rig | ใช้งานง่าย ค่าบำรุงต่ำ | ดินอ่อน-ทราย | ต่ำ-ปานกลาง |
Kelly Bar | เหมาะกับงานลึก | เสาเข็มขนาดใหญ่ | สูงมาก |
3.2 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนเครื่องจักร
- ขนาดเครื่อง: เครื่องใหญ่ให้ผลผลิตมาก แต่ใช้แรงงานสูง ค่าขนย้ายแพง
- เชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษา: ค่าใช้จ่ายต่อวันมีผลต่อต้นทุนรวม
- อัตราการทำงาน (Productivity): ถ้าเครื่องทำงานได้หลายหลุมต่อวัน จะลดต้นทุนเฉลี่ยลงได้
3.3 เทคนิคเลือกเครื่องให้คุ้มค่า
- เลือกเครื่องให้เหมาะกับสภาพดิน และขนาดของเสาเข็ม
- เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่าง “เช่าเครื่อง + ทีมงาน” กับ “เหมางานเจาะจากผู้รับเหมา”
- หากทำงานจำนวนมาก พิจารณาใช้เครื่องเจาะระบบอัตโนมัติเพิ่ม productivity
4. ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อราคางาน
4.1 ปริมาณงานรวม
- หากมีปริมาณเสาเข็มจำนวนมาก ราคาต่อหลุมหรือเมตรจะลดลง เนื่องจากสามารถเฉลี่ยค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าขนย้ายเครื่อง, ค่าติดตั้งไซต์งาน
4.2 ความเร่งด่วนของงาน
- งานด่วนพิเศษ หรือต้องทำงานนอกเวลาปกติ เช่น กลางคืน หรือวันหยุด จะมีค่าล่วงเวลา (OT) เพิ่มขึ้น
4.3 ข้อจำกัดของพื้นที่
- พื้นที่แคบ, ซอยลึก หรือไม่มีที่จอดเครื่อง → ต้องใช้เครื่องขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า → ราคาสูงขึ้น
- พื้นที่มีข้อกำหนดพิเศษ เช่น ใกล้โรงเรียน โรงพยาบาล ต้องใช้เครื่องเสียงเงียบ → มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
4.4 ความล่าช้าจากปัจจัยภายนอก
- ฝนตก, น้ำท่วม, ขาดแคลนวัสดุ → ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่ม
5. ตัวอย่างการประมาณราคางานเสาเข็มเจาะ
สมมุติโครงการต้องการเสาเข็มเจาะขนาด 0.80 ม. ลึก 10 เมตร จำนวน 50 ต้น ในพื้นที่ดินเหนียวปานกลาง ไม่มีน้ำใต้ดิน
รายการ | ประมาณการ |
---|---|
ค่าคอนกรีต (240 kg/cm²) | 13,000 บาท/ต้น |
ค่าเหล็กเสริม | 4,000 บาท/ต้น |
ค่าเจาะ (รวมเครื่องและแรงงาน) | 10,000 บาท/ต้น |
ค่า bentonite | 1,000 บาท/ต้น |
ค่าอื่น ๆ (ขนส่ง, ตั้งเครื่อง) | เฉลี่ย 1,500 บาท/ต้น |
รวมต้นทุนเฉลี่ยต่อเสาเข็ม = ประมาณ 29,500 บาท/ต้น
ราคานี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากเปลี่ยนสภาพดิน, ความลึก, หรือประเภทเครื่องจักร
6. สรุปแนวทางวางแผนเพื่อลดต้นทุนงานเสาเข็มเจาะ
- เจาะสำรวจดินให้เพียงพอ เพื่อกำหนดแนวทางเจาะที่แม่นยำ
- เลือกใช้เสาเข็มให้เหมาะกับน้ำหนักและสภาพดิน ไม่จำเป็นต้องเจาะลึกเกินจำเป็น
- เลือกผู้รับเหมาที่มีเครื่องจักรเหมาะสมและประสบการณ์ตรง
- เปรียบเทียบราคาโดยดูรายละเอียดประกอบ เช่น ความลึก, ปริมาณคอนกรีตที่รวมไว้
- ทำ BOQ แบบยืดหยุ่น รองรับการปรับเปลี่ยนตามสภาพจริง
สรุปท้ายบทความ
การกำหนดราคางานเสาเข็มเจาะไม่ใช่แค่การคิด “ราคาต่อต้น” อย่างผิวเผิน แต่ต้องมองในภาพรวมของ ความลึกที่จำเป็น, สภาพดินจริง, และ เครื่องจักรที่ใช้ ซึ่งแต่ละปัจจัยมีผลซับซ้อนต่อกัน เช่น ดินแข็งทำให้ต้องใช้เครื่องแรง → ต้นทุนเครื่องสูง → เวลานาน → ค่าแรงเพิ่ม ดังนั้นการวางแผนที่ดีตั้งแต่ต้นจะช่วยให้โครงการไม่บานปลาย และสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
