https://line.me/ti/p/qh-Py2HQJ7

สอบถามได้ที่

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคางานเสาเข็มเจาะ (ความลึก ดิน เครื่องจักร)

งานเสาเข็มเจาะเป็นกระบวนการสำคัญในงานฐานรากของโครงการก่อสร้างเกือบทุกประเภท ตั้งแต่อาคารขนาดเล็กไปจนถึงโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น อาคารสูง สะพาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม ราคาของงานเสาเข็มเจาะนั้นไม่สามารถกำหนดได้ตายตัว เพราะมีตัวแปรหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางเทคนิคและภาคสนาม

บทความนี้จะเจาะลึกถึง “ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาของงานเสาเข็มเจาะ” โดยเฉพาะสามด้านสำคัญ ได้แก่ ความลึกของเสาเข็ม, ลักษณะของชั้นดิน, และ เครื่องจักรที่ใช้ในงาน เพื่อช่วยให้ผู้ว่าจ้าง วิศวกร หรือเจ้าของโครงการสามารถเข้าใจภาพรวมและประมาณราคางานได้อย่างแม่นยำ


1. ความลึกของเสาเข็ม (Pile Depth)

1.1 ทำไมความลึกถึงมีผลต่อราคา

ความลึกของเสาเข็มเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ส่งผลโดยตรงต่อราคางาน เพราะเป็นตัวแปรหลักในการกำหนด ปริมาณวัสดุที่ต้องใช้ เช่น คอนกรีต เหล็กเสริม และความยากของกระบวนการก่อสร้าง

1.2 รายละเอียดที่ควรพิจารณา

  • ยิ่งลึก = ยิ่งแพง: ราคาจะเพิ่มขึ้นตามระยะความลึก เช่น เสาเข็มลึก 25 เมตร จะมีราคาต่อเมตรสูงกว่าเสาเข็ม 15 เมตร เพราะต้องใช้วัสดุมากขึ้นและใช้เวลาทำนานกว่า
  • ค่าใช้จ่ายในการเสริมเหล็ก: เสาเข็มที่ลึกต้องใช้เหล็กเสริมที่แข็งแรงขึ้น และบางกรณีต้องใช้เหล็กเสริมซ้อน (Lapping) เพื่อรองรับแรงกระทำแนวดิ่งและแนวนอน
  • ค่าคอนกรีต: ความลึกที่มากขึ้นเท่ากับต้องใช้ปริมาณคอนกรีตเพิ่มขึ้นแบบเป็นสัดส่วน
  • เวลาทำงาน: เสาเข็มลึกกว่าใช้เวลามากกว่าในการเจาะและเทคอนกรีต

1.3 แนวทางลดต้นทุนจากปัจจัยความลึก

  • ศึกษา Soil Report อย่างละเอียดเพื่อกำหนดความลึกที่จำเป็นจริงๆ
  • ใช้ระบบการตรวจสอบระหว่างงาน เช่น PDA test เพื่อลดความจำเป็นในการเจาะลึกเกินความจำเป็น
  • เลือกใช้เสาเข็มขนาดเหมาะสมเพื่อกระจายแรงรับน้ำหนักโดยไม่ต้องเพิ่มความลึกมาก

2. ลักษณะของชั้นดิน (Soil Condition)

2.1 ดินแต่ละประเภทมีผลอย่างไร

สภาพของดินในพื้นที่ก่อสร้างเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อทั้ง ระยะเวลา, เทคนิค, และ ค่าใช้จ่าย ในการเจาะเสาเข็ม

ประเภทดินลักษณะการเจาะผลกระทบต่อราคา
ดินเหนียวอ่อนเจาะง่าย แต่เสี่ยงผนังถล่มราคากลาง – ต้องใช้สารเคมีป้องกัน
ดินทรายซึมน้ำง่าย ผนังพังง่ายราคาสูง – ต้องใช้ bentonite หรือ casing
ดินแข็ง/ชั้นหินเจาะยาก ใช้เวลานานราคาสูงมาก – ใช้หัวเจาะพิเศษ
ดินปนกรวดอาจทำให้เจาะเบี้ยวราคาขึ้นอยู่กับปริมาณกรวด

2.2 ปัญหาที่ดินก่อได้

  • ผนังหลุมพัง → ต้องใช้ปลอกเหล็กหรือสารละลาย bentonite
  • น้ำใต้ดินไหลเข้า → ต้องเพิ่มขั้นตอนควบคุมน้ำ เพิ่มค่าใช้จ่าย
  • เจาะไม่ตรงแนว → ต้องใช้ระบบแนะนำแนวที่แม่นยำ

2.3 วิธีลดผลกระทบจากสภาพดิน

  • ทำการ เจาะสำรวจดิน (Soil Boring) อย่างน้อย 2-3 จุดในไซต์งาน
  • ให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์สภาพดินและเสนอวิธีเจาะที่เหมาะสม
  • เตรียม BOQ ที่ยืดหยุ่น รองรับความเปลี่ยนแปลงของชั้นดิน

3. เครื่องจักรที่ใช้ในการเจาะ (Drilling Equipment)

3.1 ประเภทของเครื่องจักรที่พบในงานเสาเข็มเจาะ

เครื่องจักรที่ใช้ในงานเสาเข็มเจาะมีหลายประเภท แต่ละชนิดเหมาะกับสภาพงานและส่งผลต่อราคาต่างกัน:

ประเภทเครื่องลักษณะเด่นเหมาะกับงานราคาต่อหลุมโดยประมาณ
Rotary Rigเจาะลึกได้ดี ใช้งานกว้างดินอ่อน-แข็งปานกลางปานกลาง-สูง
Hydraulic Rigเจาะเร็ว ควบคุมแม่นยำงานในเมือง พื้นที่แคบสูง
Bucket Rigใช้งานง่าย ค่าบำรุงต่ำดินอ่อน-ทรายต่ำ-ปานกลาง
Kelly Barเหมาะกับงานลึกเสาเข็มขนาดใหญ่สูงมาก

3.2 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนเครื่องจักร

  • ขนาดเครื่อง: เครื่องใหญ่ให้ผลผลิตมาก แต่ใช้แรงงานสูง ค่าขนย้ายแพง
  • เชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษา: ค่าใช้จ่ายต่อวันมีผลต่อต้นทุนรวม
  • อัตราการทำงาน (Productivity): ถ้าเครื่องทำงานได้หลายหลุมต่อวัน จะลดต้นทุนเฉลี่ยลงได้

3.3 เทคนิคเลือกเครื่องให้คุ้มค่า

  • เลือกเครื่องให้เหมาะกับสภาพดิน และขนาดของเสาเข็ม
  • เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่าง “เช่าเครื่อง + ทีมงาน” กับ “เหมางานเจาะจากผู้รับเหมา”
  • หากทำงานจำนวนมาก พิจารณาใช้เครื่องเจาะระบบอัตโนมัติเพิ่ม productivity

4. ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อราคางาน

4.1 ปริมาณงานรวม

  • หากมีปริมาณเสาเข็มจำนวนมาก ราคาต่อหลุมหรือเมตรจะลดลง เนื่องจากสามารถเฉลี่ยค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าขนย้ายเครื่อง, ค่าติดตั้งไซต์งาน

4.2 ความเร่งด่วนของงาน

  • งานด่วนพิเศษ หรือต้องทำงานนอกเวลาปกติ เช่น กลางคืน หรือวันหยุด จะมีค่าล่วงเวลา (OT) เพิ่มขึ้น

4.3 ข้อจำกัดของพื้นที่

  • พื้นที่แคบ, ซอยลึก หรือไม่มีที่จอดเครื่อง → ต้องใช้เครื่องขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า → ราคาสูงขึ้น
  • พื้นที่มีข้อกำหนดพิเศษ เช่น ใกล้โรงเรียน โรงพยาบาล ต้องใช้เครื่องเสียงเงียบ → มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

4.4 ความล่าช้าจากปัจจัยภายนอก

  • ฝนตก, น้ำท่วม, ขาดแคลนวัสดุ → ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่ม

5. ตัวอย่างการประมาณราคางานเสาเข็มเจาะ

สมมุติโครงการต้องการเสาเข็มเจาะขนาด 0.80 ม. ลึก 10 เมตร จำนวน 50 ต้น ในพื้นที่ดินเหนียวปานกลาง ไม่มีน้ำใต้ดิน

รายการประมาณการ
ค่าคอนกรีต (240 kg/cm²)13,000 บาท/ต้น
ค่าเหล็กเสริม4,000 บาท/ต้น
ค่าเจาะ (รวมเครื่องและแรงงาน)10,000 บาท/ต้น
ค่า bentonite1,000 บาท/ต้น
ค่าอื่น ๆ (ขนส่ง, ตั้งเครื่อง)เฉลี่ย 1,500 บาท/ต้น

รวมต้นทุนเฉลี่ยต่อเสาเข็ม = ประมาณ 29,500 บาท/ต้น

ราคานี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากเปลี่ยนสภาพดิน, ความลึก, หรือประเภทเครื่องจักร


6. สรุปแนวทางวางแผนเพื่อลดต้นทุนงานเสาเข็มเจาะ

  1. เจาะสำรวจดินให้เพียงพอ เพื่อกำหนดแนวทางเจาะที่แม่นยำ
  2. เลือกใช้เสาเข็มให้เหมาะกับน้ำหนักและสภาพดิน ไม่จำเป็นต้องเจาะลึกเกินจำเป็น
  3. เลือกผู้รับเหมาที่มีเครื่องจักรเหมาะสมและประสบการณ์ตรง
  4. เปรียบเทียบราคาโดยดูรายละเอียดประกอบ เช่น ความลึก, ปริมาณคอนกรีตที่รวมไว้
  5. ทำ BOQ แบบยืดหยุ่น รองรับการปรับเปลี่ยนตามสภาพจริง

สรุปท้ายบทความ

การกำหนดราคางานเสาเข็มเจาะไม่ใช่แค่การคิด “ราคาต่อต้น” อย่างผิวเผิน แต่ต้องมองในภาพรวมของ ความลึกที่จำเป็น, สภาพดินจริง, และ เครื่องจักรที่ใช้ ซึ่งแต่ละปัจจัยมีผลซับซ้อนต่อกัน เช่น ดินแข็งทำให้ต้องใช้เครื่องแรง → ต้นทุนเครื่องสูง → เวลานาน → ค่าแรงเพิ่ม ดังนั้นการวางแผนที่ดีตั้งแต่ต้นจะช่วยให้โครงการไม่บานปลาย และสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ