https://line.me/ti/p/qh-Py2HQJ7

สอบถามได้ที่

ปัญหาที่พบบ่อยในการทำเสาเข็มเจาะ และวิธีแก้ไข

การทำเสาเข็มเจาะเป็นกระบวนการสำคัญในการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับงานฐานราก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านแรงสั่นสะเทือนหรือข้อกำหนดทางสิ่งแวดล้อม เสาเข็มเจาะมีข้อดีหลายประการ เช่น เสียงเงียบ ไม่รบกวนพื้นที่โดยรอบ และสามารถควบคุมคุณภาพของงานได้ดี แต่ในทางปฏิบัติ การทำเสาเข็มเจาะก็มีโอกาสเกิดปัญหาหลายรูปแบบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้าง งานก่อสร้างล่าช้า หรือค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น

ในบทความนี้เราจะพาไปเจาะลึกถึง ปัญหาที่พบบ่อยในการทำเสาเข็มเจาะ พร้อมทั้งแนวทางในการแก้ไข เพื่อช่วยให้วิศวกรควบคุมงาน ผู้รับเหมา หรือเจ้าของโครงการสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ


1. ปัญหาเกี่ยวกับดินและชั้นดิน

1.1 ชั้นดินอ่อนมากกว่าที่คาดการณ์

สาเหตุ: ข้อมูลการเจาะสำรวจดิน (Soil Investigation) ไม่เพียงพอ หรือขุดเจาะในพื้นที่ที่มีลักษณะดินเปลี่ยนแปลงบ่อย

ผลกระทบ: เสาเข็มต้องเจาะลึกเกินกว่าที่ประมาณการไว้ เสียค่าใช้จ่ายและเวลามากขึ้น

แนวทางแก้ไข:

  • ควรทำการเจาะสำรวจดินอย่างละเอียดก่อนเริ่มงาน
  • ปรับแบบเสาเข็มให้เหมาะสมกับสภาพดินจริง
  • วางแผนเผื่อความลึกไว้ใน BOQ หรือสัญญา

1.2 เจอชั้นหิน หรือชั้นทรายแน่นลึกเกินไป

สาเหตุ: ไม่ได้วางแผนเผื่อเครื่องเจาะต้องรับแรงต้านสูง

ผลกระทบ: เครื่องเจาะทำงานลำบาก เจาะไม่ลง ใช้เวลาและพลังงานสูง

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้หัวเจาะชนิดพิเศษ เช่น Rock Auger
  • หากไม่สามารถเจาะทะลุได้ อาจพิจารณาเปลี่ยนประเภทเสาเข็ม

2. ปัญหาเกี่ยวกับการเจาะหลุม

2.1 ผนังหลุมพัง (Cave-in)

สาเหตุ: ดินมีความอ่อนตัวสูง ไม่มีแรงยึดเกาะ หรือไม่มีการควบคุมระดับน้ำใต้ดิน

ผลกระทบ: เกิดโพรงหรือการยุบตัวของดินภายในหลุม เสี่ยงต่อการเสียรูปของเสาเข็ม

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้สารละลาย Bentonit หรือโคลนซีเมนต์เพื่อรักษาผนังหลุม
  • หากใช้เสาเข็มเจาะแห้ง ควรทำ casing (ปลอกเหล็ก) ลงไปถึงระดับที่เหมาะสม

2.2 น้ำใต้ดินไหลเข้าหลุม

สาเหตุ: ระดับน้ำใต้ดินสูงเกินกว่าที่คาดการณ์

ผลกระทบ: การเทคอนกรีตทำได้ยาก เกิดการผสมของน้ำกับคอนกรีต ทำให้คุณภาพลดลง

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้สารละลายป้องกันการซึมของน้ำ เช่น Bentonit
  • ใช้เทคนิค Tremie pipe เทคอนกรีตจากก้นหลุมขึ้นบน (Bottom-Up)

2.3 เจาะเอียงหรือไม่ได้แนว

สาเหตุ: การตั้งเครื่องเจาะไม่แน่นพอ, ไม่มีการตรวจสอบแนวเจาะระหว่างทำงาน

ผลกระทบ: เสาเข็มไม่อยู่ในตำแหน่งตามแบบ, เสี่ยงต่อการรับน้ำหนักไม่สมดุล

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้เครื่องมือวัดแนว เช่น Plumb bob หรือ Water level
  • ติดตั้งหมุดแนวและจุดควบคุมก่อนเริ่มเจาะ
  • ตรวจสอบและปรับแนวอย่างสม่ำเสมอ

3. ปัญหาเกี่ยวกับการเทคอนกรีต

3.1 การเทคอนกรีตไม่ต่อเนื่อง

สาเหตุ: คอนกรีตมาไม่ทัน หรือเกิดการหยุดชะงักระหว่างการเท

ผลกระทบ: เกิดรอย cold joint ซึ่งเป็นจุดอ่อนของเสาเข็ม

แนวทางแก้ไข:

  • วางแผนระยะเวลาเทคอนกรีตให้เหมาะสม
  • ใช้รถผสมคอนกรีต (Mixer) หลายคันต่อเนื่องกัน
  • กรณีจำเป็น ให้ใช้เทคนิค “Recirculate” หรือเทซ้ำทันทีด้วยการเขย่าให้ติดกัน

3.2 คอนกรีต Segregation (แยกชั้น)

สาเหตุ: ปล่อยคอนกรีตจากระดับสูงเกินไป หรือการออกแบบส่วนผสมไม่เหมาะสม

ผลกระทบ: ความแข็งแรงของเสาเข็มไม่สม่ำเสมอ

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ท่อ Tremie ตลอดการเท
  • ปรับส่วนผสมคอนกรีตให้เหมาะกับงานหล่อในที่

3.3 ปริมาณคอนกรีตไม่พอ

สาเหตุ: คำนวณปริมาณคอนกรีตผิด, ไม่เผื่อส่วนที่ไหลออก หรือรั่วซึม

ผลกระทบ: เสาเข็มไม่เต็ม ความแข็งแรงลดลง

แนวทางแก้ไข:

  • เพิ่มปริมาณเผื่อไว้ในแผนจัดซื้อ (10-15%)
  • เตรียมรถผสมคอนกรีตสำรอง
  • ตรวจสอบขนาดหลุมจริงก่อนเท

4. ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องจักรและอุปกรณ์

4.1 เครื่องเจาะชำรุดระหว่างทำงาน

สาเหตุ: ขาดการบำรุงรักษา หรือใช้งานเกินกำลัง

ผลกระทบ: งานล่าช้า และต้นทุนเพิ่มขึ้น

แนวทางแก้ไข:

  • มีแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance)
  • เตรียมเครื่องมือสำรองหรือทีมซ่อมบำรุงไว้หน้างาน

4.2 ปลอกเหล็กติดในหลุม

สาเหตุ: ดินบีบรัด หรือไม่ได้ทำการอัดลมหรือสั่นสะเทือนขณะถอน

ผลกระทบ: ปลอกเหล็กไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ระบบถอน casing แบบสั่นหรือดึงด้วยแรงสูง
  • ไม่ควรทิ้ง casing ไว้ในดินนานเกินไปหลังเทคอนกรีต

5. ปัญหาเกี่ยวกับคนและการบริหารจัดการ

5.1 แรงงานไม่มีทักษะ

สาเหตุ: ขาดการอบรมหรือประสบการณ์

ผลกระทบ: ทำงานช้า มีข้อผิดพลาดสูง

แนวทางแก้ไข:

  • จัดอบรมหรือให้หัวหน้างานควบคุมอย่างใกล้ชิด
  • จัดจ้างผู้รับเหมาช่วงที่มีประสบการณ์เฉพาะด้าน

5.2 ประสานงานไม่ดีระหว่างทีมงาน

สาเหตุ: ขาดการวางแผนหรือสื่อสารที่ชัดเจน

ผลกระทบ: เทคอนกรีตล่าช้า, การจัดคิวรถไม่ตรงเวลา

แนวทางแก้ไข:

  • มีแผนงานชัดเจนเป็นลำดับขั้นตอน
  • ใช้แอปหรือโปรแกรมช่วยบริหารจัดการไซต์งาน เช่น MS Project หรือ Trello

6. ปัญหาเฉพาะทางเทคนิค

6.1 เกิดโพรงใต้ฐานเสา (Void)

สาเหตุ: เทคอนกรีตไม่เต็มหลุม หรือมีการแยกชั้น

ผลกระทบ: เสี่ยงต่อการทรุดตัวของอาคาร

แนวทางแก้ไข:

  • ตรวจสอบปริมาณคอนกรีตอย่างสม่ำเสมอ
  • ใช้การทดสอบ Ultrasonic หรือ Cross Hole Sonic Logging เพื่อตรวจสอบ

6.2 เสาเข็มเสียรูปหลังจากแข็งตัว

สาเหตุ: ดินรอบๆ เคลื่อนตัว หรือแรงดันดินสูง

ผลกระทบ: เสาเข็มไม่ตรงแนว รับแรงไม่ดี

แนวทางแก้ไข:

  • ออกแบบ casing ให้ยาวขึ้น
  • รอให้คอนกรีตเซ็ตตัวก่อนถมดินรอบๆ

สรุป

การทำเสาเข็มเจาะเป็นงานที่ต้องอาศัยความรู้ทั้งด้านวิศวกรรม เทคนิคการควบคุมเครื่องจักร และการบริหารจัดการที่รัดกุม ปัญหาที่พบบ่อยไม่ใช่เรื่องที่หลีกเลี่ยงได้เสมอไป แต่สามารถ ลดความเสี่ยงได้ด้วยการเตรียมพร้อมที่ดี เช่น การสำรวจชั้นดินอย่างละเอียด การวางแผนล่วงหน้า การอบรมแรงงาน และการควบคุมคุณภาพอย่างต่อเนื่อง

เมื่อรู้จักปัญหา รู้ทางแก้ และวางแผนที่ดีแล้ว เสาเข็มเจาะก็จะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีฐานรากที่ทั้งปลอดภัย แข็งแรง และคุ้มค่า