https://line.me/ti/p/qh-Py2HQJ7

สอบถามได้ที่

อุปกรณ์ที่ใช้ในงานเสาเข็มเจาะมีอะไรบ้าง (Bored Pile Equipment)

ในกระบวนการก่อสร้างโดยเฉพาะงานฐานราก เสาเข็มเจาะถือเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูงในงานก่อสร้างสมัยใหม่ โดยเฉพาะพื้นที่เขตเมืองหรือบริเวณที่ไม่สามารถรับแรงสั่นสะเทือนได้ เช่น อาคารสูง โรงพยาบาล โรงงาน และโครงสร้างที่ต้องการเสถียรภาพสูง

เสาเข็มเจาะต่างจากเสาเข็มตอกในแง่ของเทคนิค วิธีการทำงาน และ “อุปกรณ์ที่ใช้” อุปกรณ์ที่ใช้ในงานเสาเข็มเจาะมีความหลากหลายและเฉพาะทางอย่างยิ่ง ซึ่งจำเป็นต้องรู้จักทั้งชนิด ลักษณะ และหน้าที่ของแต่ละชิ้นอย่างละเอียดเพื่อให้สามารถควบคุมคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพของงานได้


1. เครื่องจักรหลักที่ใช้ในการเจาะเสาเข็ม

1.1 เครื่องเจาะเสาเข็ม (Drilling Rig)

ถือเป็นหัวใจหลักของงานเสาเข็มเจาะ มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับวิธีการก่อสร้าง พื้นที่ใช้สอย ขนาดเสาเข็ม และชนิดของดิน โดยหลักๆ แบ่งได้เป็น 3 ประเภท:

A. Rotary Drilling Rig

เครื่องเจาะแบบหมุนต่อเนื่อง ใช้หัวเจาะหมุนลงในดินพร้อมกำจัดดินออกเป็นชั้น ๆ มีความแม่นยำสูง มักใช้กับหลุมขนาดใหญ่ และงานที่ต้องการควบคุมความลึกอย่างเคร่งครัด

  • ความสามารถเจาะได้ทั้งดินอ่อน ดินแข็ง หรือหิน
  • ใช้ได้กับระบบสารละลายเบนโทไนต์
  • ควบคุมการทำงานผ่านระบบไฮดรอลิกหรือไฟฟ้า

B. Hydraulic Grab Rig

นิยมใช้ในดินชั้นอ่อนหรือดินเหนียว โดยใช้หัวคว้านขนาดใหญ่เปิด-ปิดแบบปากตัก ใช้ความหนักของน้ำหนักเองในการขุดเจาะ

  • ง่ายต่อการควบคุม
  • เหมาะกับงานที่ต้องการความเรียบร้อยของหลุม

C. Kelly Bar System

ประกอบด้วยท่อหลายท่อนต่อกันเป็นแกนหมุน ใช้ในการเจาะโดยตรงและเหมาะกับการคว้านลึก สามารถเปลี่ยนหัวเจาะให้เข้ากับสภาพดิน


2. หัวเจาะและอุปกรณ์คว้านดิน (Drilling Tools)

หัวเจาะมีหลายรูปแบบขึ้นกับลักษณะของดินและหิน ได้แก่:

2.1 Bucket

ใช้คว้านดินทั่วไป ดินร่วน ดินเหนียวหรือดินแข็งระดับหนึ่ง ตัวถังจะหมุนเพื่อเก็บดินขึ้นมา

2.2 Auger

สว่านเกลียวสำหรับหมุนเจาะต่อเนื่อง ใช้ได้ดีกับดินแห้งหรือดินปนกรวด ใช้งานเร็ว แต่ต้องคุมแนวหลุมให้ดี

2.3 Core Barrel

ใช้กับดินแข็งหรือหิน หัวเจาะมีฟันคาร์ไบด์หรือหัวเพชรหมุนกัดชั้นหินออก เหมาะกับงานลึกหรือโครงสร้างที่ต้องการรับน้ำหนักสูง

2.4 Chisel

หัวเหล็กหนักใช้ทุบชั้นหินหรือเศษสิ่งกีดขวางในดิน เช่น เศษคอนกรีต เศษเหล็ก โดยอาศัยการตกกระแทกแรง ๆ


3. ระบบท่อกรุ (Casing System)

3.1 Temporary Casing

ท่อเหล็กที่ใช้กรุหลุมชั่วคราวเพื่อป้องกันผนังพังทลาย นิยมใช้ในช่วงเริ่มต้นของการเจาะ หรือชั้นดินที่ไม่สามารถพยุงตัวได้ เช่น ดินทรายหรือดินผสม

3.2 Permanent Casing

ใช้ในกรณีที่ต้องการวางท่อไว้ถาวรในหลุมเพื่อความแข็งแรง เช่น งานใกล้แหล่งน้ำ งานท่าเรือ

3.3 Oscillator หรือ Casing Rotator

เครื่องมือสำหรับหมุนท่อกรุขณะกรุลงไปในดิน ใช้แรงไฮดรอลิกช่วยเจาะและหมุนลงไปพร้อม ๆ กับการกรุหลุม


4. ระบบป้องกันหลุมพังด้วยเบนโทไนต์ (Bentonite System)

4.1 สารละลายเบนโทไนต์ (Bentonite Slurry)

ใช้สร้างแรงดันไฮโดรสแตติกเพื่อพยุงผนังหลุม มีลักษณะคล้ายโคลนเหนียว ความหนืดสูง ผสมจากผงเบนโทไนต์กับน้ำ

4.2 ถังผสม (Mixing Tank)

ใช้สำหรับกวนผสมสารเบนโทไนต์และควบคุมความเข้มข้น

4.3 ถังเก็บ (Storage Tank)

เก็บสารเบนโทไนต์ก่อนและหลังการใช้งาน อาจมีการใช้ระบบกรองเพื่อรีไซเคิลสารเบนโทไนต์

4.4 ปั๊มดูด-จ่าย (Centrifugal or Slurry Pump)

สูบสารจากถังส่งลงหลุมเจาะ หรือดูดกลับมาบำบัด


5. อุปกรณ์เหล็กเสริม (Rebar Equipment)

5.1 โครงเหล็กเสริม (Reinforcement Cage)

ประกอบจากเหล็กข้ออ้อยผูกเป็นโครงตามขนาดเสาเข็ม เช่น D25, D32, D40 ระยะห่างตามแบบ เพื่อรับน้ำหนักโครงสร้างด้านบน

5.2 เครื่องตัดและดัดเหล็ก (Rebar Cutter & Bender)

ใช้สำหรับตัดเหล็กและดัดเหล็กตามขนาดที่ต้องการ

5.3 เครน (Crane)

ยกเหล็กเสริมลงหลุม ต้องควบคุมแนวให้อยู่ตรงกลางเพื่อไม่ให้เหล็กติดผนังหลุม

5.4 อุปกรณ์ยึดระยะ (Spacer)

มักเป็นพลาสติกหรือเหล็ก ใช้ยึดระยะเหล็กกับผนังหลุมให้ได้ cover ตามที่กำหนด เช่น 7 ซม., 10 ซม.


6. ระบบเทคอนกรีต (Concreting System)

6.1 Tremie Pipe

ท่อเหล็กเส้นตรง ความยาวท่อนละ 6 เมตร ใช้เทคอนกรีตจากก้นหลุมขึ้นมา ป้องกันไม่ให้คอนกรีตผสมกับเบนโทไนต์หรือน้ำในหลุม

6.2 Hopper

กรวยด้านบนที่ใช้รับคอนกรีตจากรถผสม ก่อนส่งต่อเข้าสู่ Tremie

6.3 รถผสมคอนกรีต (Transit Mixer)

ส่งคอนกรีตจากโรงงานเข้าสู่หน้างาน โดยต้องใช้คอนกรีตที่มี slump สูง (ประมาณ 20±2 cm) เพื่อความไหลลื่นในการเท

6.4 เครื่องสั่นคอนกรีต (Concrete Vibrator)

อาจใช้เฉพาะกรณีที่ต้องจัดแนวหรือเพิ่มการไหลของคอนกรีต โดยต้องระวังไม่ให้ผสมเบนโทไนต์กลับเข้าไป


7. เครื่องมือวัดและควบคุมงาน

7.1 เครื่องวัดระดับ (Level Instrument)

ใช้วัดแนวราบ ระดับพื้นหลุม ระดับท่อ และระดับคอนกรีต

7.2 Total Station / Theodolite

ใช้สำหรับจัดตำแหน่งเสาเข็มให้ตรงกับแบบ ผังงานต้องแม่นยำภายใต้ค่าคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่มิลลิเมตร

7.3 เครื่องวัดความลึก (Depth Indicator)

ติดตั้งกับหัวเจาะหรือใช้ manual วัดความลึกของหลุมเพื่อให้เทคอนกรีตในปริมาณที่พอดี

7.4 Load Cell หรือ Strain Gauge

ใช้ในงานเสาเข็มทดสอบ เพื่อตรวจสอบแรงรับน้ำหนักตามแนวดิ่งหรือแนวเฉียง


8. ระบบบันทึกและตรวจสอบคุณภาพ (QA/QC Tools)

8.1 Data Logger

ใช้บันทึกแรงบิด ความลึก จำนวนรอบขณะเจาะ

8.2 Crosshole Sonic Logging (CSL)

ใช้ตรวจสอบคุณภาพคอนกรีตภายในเสาเข็มเจาะโดยอาศัยคลื่นเสียง ผ่านท่อพลาสติกที่ฝังไว้ในเหล็กเสริม

8.3 Pile Integrity Test (PIT)

ใช้ตรวจสอบความสมบูรณ์ของเสาเข็มหลังเทคอนกรีตเสร็จ


9. เครื่องจักรและอุปกรณ์สนับสนุนในไซต์งาน

9.1 รถเครนล้อยาง/ล้อสายพาน

เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ขนาดใหญ่ เช่น ท่อ Tremie, เหล็กเสริม

9.2 รถบรรทุกดิน

ขนดินที่คว้านขึ้นมาออกจากพื้นที่

9.3 เครื่องปั่นไฟ (Generator)

ให้พลังงานกับอุปกรณ์ในพื้นที่ไม่มีไฟฟ้า เช่น ปั๊ม, ไฟส่องสว่าง, เครื่องเชื่อม

9.4 สายไฟฟ้าภาคสนาม และชุดควบคุม

ต้องกันน้ำ ทนแดด และติดตั้งอย่างปลอดภัย


10. อุปกรณ์ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม

10.1 PPE (Personal Protective Equipment)

  • หมวกนิรภัย
  • แว่นตา
  • ถุงมือ
  • รองเท้านิรภัย
  • เสื้อสะท้อนแสง

10.2 Safety Barricade & Warning Sign

รั้วกันเขตอันตราย ป้ายแจ้งเตือน

10.3 ถังดักตะกอน

ใช้แยกดินออกจากสารละลายเบนโทไนต์ก่อนนำไปบำบัด

10.4 ถังพักน้ำเสีย

บำบัดน้ำที่ใช้ในกระบวนการก่อนปล่อยคืนธรรมชาติ


สรุปภาพรวม

งานเสาเข็มเจาะเป็นงานเฉพาะทางที่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย ทั้งเครื่องจักรหนัก เครื่องมือวัดเฉพาะทาง และระบบควบคุมคุณภาพ ทุกองค์ประกอบต้องทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพจึงจะได้เสาเข็มที่มั่นคง ปลอดภัย และตรงตามแบบ

การรู้จักและเข้าใจการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้ควบคุมงานได้ดี แต่ยังส่งผลถึงต้นทุน ความเร็ว และความน่าเชื่อถือของโครงการในระยะยาวอีกด้วย