https://line.me/ti/p/qh-Py2HQJ7

สอบถามได้ที่

เปรียบเทียบระหว่างการใช้เสาเข็มเจาะกับเสาเข็มตอกในโครงการเดียวกัน

ในงานวิศวกรรมโยธาและงานก่อสร้างอาคารขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ การเลือกระบบฐานรากที่เหมาะสมถือเป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบที่มีประสิทธิภาพ หนึ่งในทางเลือกสำคัญคือ “การเลือกชนิดของเสาเข็ม” ซึ่งมักจะอยู่ระหว่าง เสาเข็มเจาะ (Bored Pile) และ เสาเข็มตอก (Driven Pile)

แม้ทั้งสองระบบจะมีหน้าที่หลักในการถ่ายน้ำหนักจากโครงสร้างลงสู่ชั้นดินที่มีความสามารถในการรับน้ำหนักที่เพียงพอ แต่ก็มีความแตกต่างกันทั้งในด้านวิธีการติดตั้ง ต้นทุน ระยะเวลาดำเนินการ ผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และข้อจำกัดทางวิศวกรรม

บทความนี้จะวิเคราะห์และเปรียบเทียบการใช้เสาเข็มทั้งสองประเภทในบริบทของ “โครงการเดียวกัน” โดยเน้นที่ 9 ประเด็นหลัก ได้แก่ วิธีการก่อสร้าง, เวลา, ค่าใช้จ่าย, ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม, คุณภาพของเสาเข็ม, ข้อจำกัดทางพื้นที่, ความเสี่ยง, การตรวจสอบคุณภาพ และความเหมาะสมกับสภาพดิน


1. วิธีการก่อสร้าง

เสาเข็มตอก

เสาเข็มตอกคือเสาเข็มสำเร็จรูป เช่น เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง, เหล็ก หรือไม้ ซึ่งถูกผลิตไว้ล่วงหน้าแล้วนำมาตอกลงในดินด้วยเครื่องจักร เช่น ปั้นจั่น หรือ Hydraulic Hammer การตอกอาศัยแรงกระแทกหรือแรงกด เพื่อให้เสาเข็มจมลึกลงจนถึงระดับที่ต้องการ

ข้อดี:

  • ควบคุมคุณภาพเสาเข็มได้ง่าย เพราะผลิตจากโรงงาน
  • ติดตั้งได้รวดเร็ว

ข้อเสีย:

  • เสียงดังและแรงสั่นสะเทือนสูง
  • จำกัดความยาวเสาเข็มตามข้อจำกัดในการขนส่ง

เสาเข็มเจาะ

เป็นการเจาะหลุมในดินด้วยเครื่องเจาะ (Bore Rig) แล้วใส่เหล็กเสริมและเทคอนกรีตในที่ (in-situ) สามารถทำได้ทั้งแบบแห้ง (Dry Process) และแบบเปียก (Wet Process)

ข้อดี:

  • แทบไม่มีแรงสั่นสะเทือน
  • สามารถเจาะลึกหรือเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ได้ตามต้องการ
  • ปรับตามความลึกของชั้นดินจริงหน้างานได้

ข้อเสีย:

  • ต้องควบคุมคุณภาพงานเทคอนกรีตและเหล็กเสริมหน้างาน
  • ทำงานช้ากว่าเสาเข็มตอก

2. เวลาในการก่อสร้าง

เสาเข็มตอก

โดยทั่วไปสามารถติดตั้งได้เร็วกว่าหากไม่มีข้อจำกัดเรื่องเสียงหรือแรงสั่นสะเทือน เฉลี่ยวันละ 20–40 ต้น ขึ้นอยู่กับความลึกและเครื่องจักรที่ใช้

เสาเข็มเจาะ

ทำได้ช้ากว่า โดยเฉลี่ยวันละ 4–10 ต้น เพราะต้องใช้เวลาในการเจาะ วางเหล็ก เทคอนกรีต และรอคอนกรีตเซตตัวก่อนถอดปลอกเหล็ก

สรุป: หากต้องการงานที่เร็ว เสาเข็มตอกได้เปรียบกว่า


3. ค่าใช้จ่ายและงบประมาณ

เสาเข็มตอก

ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยมักต่ำกว่า โดยเฉพาะเมื่อใช้ในปริมาณมาก เนื่องจากสามารถผลิตในโรงงานและใช้เครื่องจักรตอกที่มีประสิทธิภาพสูง

อย่างไรก็ตาม หากพื้นที่จำกัด และต้องใช้ปั้นจั่นขนาดเล็ก หรือมีการตอกซ้ำ เสาเข็มตอกอาจมีต้นทุนเพิ่ม

เสาเข็มเจาะ

มีต้นทุนสูงกว่าในบางกรณี เพราะต้องใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ ทีมช่างเชี่ยวชาญ และกระบวนการหลายขั้นตอน เช่น วางเหล็ก เทคอนกรีตทันที ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม หากโครงการอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้เสาเข็มตอกได้ (เช่น ใกล้อาคารอื่น), เสาเข็มเจาะอาจกลายเป็นทางเลือกเดียวที่ “คุ้มค่า”


4. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน

เสาเข็มตอก

  • เสียงดังจากการตอก (สูงถึง 90–110 dB)
  • แรงสั่นสะเทือนที่อาจส่งผลต่ออาคารข้างเคียง
  • ฝุ่นจากดินและเศษวัสดุที่กระเด็น

เสาเข็มเจาะ

  • เงียบกว่าอย่างมาก
  • แทบไม่มีแรงสั่นสะเทือน
  • ต้องจัดการดินที่ขุดขึ้นมา (spoils) และน้ำโคลน (slurry)

เหมาะกับโครงการในเมือง หรือชุมชนหนาแน่น ที่ต้องการลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม


5. คุณภาพและความน่าเชื่อถือ

เสาเข็มตอก

  • ผลิตในโรงงานตามมาตรฐาน ควบคุมคุณภาพได้ดี
  • เสาเข็มเสียหายได้ระหว่างตอก (แตก, บิ่น) หากเจอดินแข็ง
  • ต้องต่อเสาเข็มหากความลึกไม่พอ ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง

เสาเข็มเจาะ

  • ขึ้นอยู่กับฝีมือช่างและการควบคุมคุณภาพหน้างาน
  • ความเสี่ยงเรื่องหลุมพัง, การแทรกตัวของน้ำใต้ดิน, และการเทคอนกรีตไม่ต่อเนื่อง
  • แต่สามารถปรับตามดินจริงหน้างานได้ เช่น เพิ่มความลึก หรือเส้นผ่านศูนย์กลาง

6. ข้อจำกัดทางพื้นที่

เสาเข็มตอก

  • ต้องใช้พื้นที่ขนส่งและเคลื่อนที่ของปั้นจั่น
  • พื้นที่ต่ำหรือจำกัด เช่น ใต้สายไฟ, อาคารคอนโดแน่นหนา อาจทำไม่ได้

เสาเข็มเจาะ

  • ใช้เครื่องจักรขนาดกะทัดรัดได้ (Mini Rig)
  • เหมาะกับพื้นที่แคบ พื้นที่ในเมือง หรือชั้นใต้ดินที่มีความสูงจำกัด

7. ความเสี่ยงและการแก้ไขหน้างาน

เสาเข็มตอก

  • หากเจอชั้นดินแข็งมาก อาจตอกไม่ลง หรือเกิดความเสียหายกับเสาเข็ม
  • หากเสาเข็มไม่ถึงระดับรับแรงได้ ต้องต่อเพิ่ม ซึ่งเพิ่มความเสี่ยง

เสาเข็มเจาะ

  • ความเสี่ยงเกี่ยวกับคุณภาพคอนกรีต เช่น แทรกตัวของน้ำ
  • หากเจาะไม่ตรง อาจต้องเริ่มต้นใหม่
  • อย่างไรก็ตาม มีความยืดหยุ่นในการปรับแผนระหว่างทำงานสูงกว่า

8. การตรวจสอบคุณภาพ

เสาเข็มตอก

สามารถตรวจสอบได้จาก:

  • การบันทึกแรงตอก
  • การใช้ Pile Driving Analyzer (PDA)
  • ตรวจสอบหลังตอกด้วย Low Strain Integrity Test (Sonic Test)

เสาเข็มเจาะ

ตรวจสอบจาก:

  • การบันทึกความลึกและการเทคอนกรีต
  • การตรวจสภาพเหล็กเสริมก่อนเท
  • การทดสอบ Dynamic Load Test, Crosshole Sonic Logging (CSL), หรือ Static Load Test

สรุป: เสาเข็มตอกมีมาตรฐานควบคุมคุณภาพจากโรงงานดีกว่า แต่เสาเข็มเจาะสามารถตรวจสอบแบบละเอียดได้หากมีงบประมาณ


9. ความเหมาะสมกับสภาพดิน

เสาเข็มตอก

  • เหมาะกับดินแข็งพอสมควร และไม่มีชั้นดินอ่อนลึกมาก
  • หากมีชั้นดินอ่อนมาก เสี่ยงที่เสาเข็มจะเบี้ยวหรือตอกไม่ลง

เสาเข็มเจาะ

  • เหมาะกับทุกสภาพดิน โดยเฉพาะดินอ่อน ดินเหนียว
  • เจาะทะลุชั้นดินอ่อนได้ถึงชั้นดินแข็งโดยไม่ส่งแรงกระแทก

ตารางเปรียบเทียบโดยรวม

รายการเสาเข็มตอกเสาเข็มเจาะ
ความเร็ว✔️✔️✔️
ราคาต่อหน่วย✔️✔️✔️
เสียง/แรงสั่นสะเทือน✔️✔️✔️
ความยืดหยุ่นในการปรับหน้างาน✔️✔️
พื้นที่แคบ✔️✔️✔️
ความแน่นอนของคุณภาพเสาเข็ม✔️✔️✔️
ความเสี่ยงจากการติดตั้ง✔️
การตรวจสอบคุณภาพ✔️✔️✔️✔️✔️
ความลึกสูง / เส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่✔️✔️✔️

บทสรุป

ในการเลือกใช้เสาเข็มตอกหรือเสาเข็มเจาะในโครงการเดียวกัน ไม่มีคำตอบตายตัวว่า “แบบใดดีกว่า” เพราะแต่ละโครงการมีเงื่อนไขเฉพาะของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น:

  • สภาพพื้นที่: ใจกลางเมือง มักเลือกเสาเข็มเจาะเพื่อลดเสียง
  • สภาพดิน: หากดินอ่อนและต้องลงลึก → เสาเข็มเจาะได้เปรียบ
  • งบประมาณ: โครงการบ้านจัดสรรหรืออาคารเตี้ย → เสาเข็มตอกคุ้มค่า
  • เวลาที่มีจำกัด: เสาเข็มตอกติดตั้งเร็วกว่า
  • ข้อจำกัดทางเทคนิค: เช่น สายไฟฟ้าอาคารข้างเคียง → เสาเข็มตอกอาจใช้ไม่ได้

การพิจารณาให้ครอบคลุมทุกด้านโดยวิศวกรผู้ออกแบบ และการศึกษาความเป็นไปได้ทางวิศวกรรมก่อนเริ่มงาน จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเลือกวิธีการฐานรากให้เหมาะสมที่สุดใน “โครงการเดียวกัน”

เสาเข็มเจาะราคา-โทร0636356359
เสาเข็มเจาะราคา-โทร0636356359