https://line.me/ti/p/qh-Py2HQJ7

สอบถามได้ที่

เสาเข็มเจาะคืออะไร? ทำความรู้จักกับฐานรากที่แข็งแรงและไม่สะเทือนต่ออาคารข้างเคียง

เสาเข็มเจาะเป็นหนึ่งในวิธีการก่อสร้างฐานราก ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดต่างๆ ในการใช้เสาเข็มตอก หรือในพื้นที่ที่ต้องการลดผลกระทบต่ออาคารข้างเคียง บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเสาเข็มเจาะให้มากขึ้น ตั้งแต่ความหมาย หลักการทำงาน ไปจนถึงข้อดีและข้อเสียของการใช้งานเสาเข็มเจาะ

ความหมายและหลักการทำงาน

เสาเข็มเจาะ (Bored Pile) คือเสาเข็มที่มีวิธีการทำงานโดย ขุดเจาะดินลงไปในตำแหน่งที่ต้องการ จากนั้นจึงใส่เหล็กเสริมและเทคอนกรีตลงไปในหลุมเจาะ เพื่อหล่อเสาเข็มในสถานที่ ที่แข็งแรงเพื่อรองรับน้ำหนักของโครงสร้างอาคาร

หลักการทำงานของเสาเข็มเจาะคือ การถ่ายน้ำหนักของโครงสร้างลงสู่เสาเข็ม และถ่ายน้ำหนักลงปลายเสาเข็ม โดยส่งผ่านน้ำหนักสู่ชั้นดินที่แข็งแรง โดยมีแรงเสียดทานระหว่างผิวของเสาเข็มเจาะกับผิวดิน ตลอดจนมีแรงต้านทานที่ปลายเสาเข็มเป็นแรงรับน้ำหนัก มากกว่าแรงเสียดทานผิวเสาเข็ม

ประเภทของเสาเข็มเจาะ

เสาเข็มเจาะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ตามวิธีการทำงาน ได้แก่

  • เสาเข็มเจาะระบบแห้ง (Dry Process): เป็นการขุดเจาะดินโดยไม่มีน้ำหรือสารละลายใดๆ เข้ามาในหลุมเจาะ เหมาะสำหรับชั้นดินที่มีความแข็งแรงสูง และไม่พบชั้นน้ำ หรือชั้นทราย ในหลุมเจาะ
  • เสาเข็มเจาะระบบเปียก (Wet Process): เป็นการขุดเจาะดินโดยใช้สารละลายเบนโทไนต์ (Bentonite) หรือโพลิเมอร์ เพื่อป้องกันการพังทลายของผนังดิน เหมาะสำหรับดินอ่อนหรือดินที่มีน้ำใต้ดินสูง หรือชั้นดินทราย

ขั้นตอนการทำงานของเสาเข็มเจาะ

  1. การเตรียมพื้นที่: ทำการสำรวจและปรับระดับพื้นที่ก่อสร้างให้พร้อมสำหรับการทำงานเจาะเสาเข็ม เพราะ ต้องใช้ทางในการลำเลียงคอนกรีตโดยรถผสมคอนกรีต
  2. การเจาะดิน: ใช้เครื่องเจาะดินเจาะลงไปในตำแหน่งที่กำหนด โดยมีขนาดและเจาะจนถึงความลึกราว 2-3 เมตร เพื่อให้ลงปลอกเหล็กได้สะดวก
  3. การใส่ปลอกเหล็ก (Casing): ในดินมีโอกาสพังทลาย โดยทั่วไปจะลงไม่ลึกมาก จะต้องใส่ปลอกเหล็กเพื่อป้องกันการพังทลายของหลุมเจาะ โดยดูที่ชั้นดินเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่ จะใส่ปลอกเหล็ก จนถึงชั้นดินแข็ง พอถึงชั้นดินแข็งแล้ว ไม่มีความจำเป็นในการใช้ปลอก เพราะ ดินแข็ง ไม่พังทลายลงในหลุมเจาะแล้ว จะเจาะได้ความลึกมากขึ้น
  4. การใส่เหล็กเสริม: นำเหล็กเสริมที่ผูกไว้แล้ว เป็นโครงเหล็ก ใส่ลงไปในหลุมเจาะ ตอนใส่ต้องระวังไม่ให้ระยะห่างของเหล็กที่ผูกผิดพลาดไป
  5. การเทคอนกรีต: เทคอนกรีตลงไปในหลุมเจาะจนเต็ม แล้วค่อยดึงปลอกเหล็กขึ้น

ข้อดีของเสาเข็มเจาะ

  • ลดแรงสั่นสะเทือนต่ออาคารข้างเคียง : เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการลดผลกระทบต่ออาคารข้างเคียง
  • ทำงานในพื้นที่จำกัดได้ พื้นที่แคบได้สะดวก : สามารถทำงานในพื้นที่แคบหรือเข้ายากได้
  • รับน้ำหนักได้มาก: สามารถออกแบบให้รับน้ำหนักได้ตามต้องการ
  • สามารถทำงานได้ในดินหลายประเภท และเจาะได้ลึกกว่าการใช้เสาเข็มทุกระบบ

ข้อเสียและข้อควรระวังเกี่ยวกับเสาเข็มเจาะ

  • ค่าใช้จ่ายสูง: มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเสาเข็มตอกเพราะมีขั้นตอนทำงานมากกว่า ทำงานได้ช้ากว่า
  • ต้องควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด: ต้องควบคุมคุณภาพในการเจาะ ตลอดจนควบคุมวัสดุและขั้นตอนการทำงานอย่างใกล้ชิด
  • มีขั้นตอนที่ซับซ้อน มากกว่า ช้ากว่า

การทดสอบเสาเข็มเจาะ

การทดสอบเสาเข็มเจาะเป็นขั้นตอนสำคัญในการตรวจสอบคุณภาพและความสามารถในการรับน้ำหนักของเสาเข็ม โดยมีวิธีการทดสอบหลายรูปแบบ เช่น

  • การทดสอบน้ำหนักของเสาเข็ม โดยใช้น้ำหนักจริงบรรทุกลงเสาเข็ม หรือใช้เสาเข็มสมอยึดแท่นเหล็กแล้วใส่แม่แรงกดเสาเข็ม (Static Load Test)
  • การทดสอบน้ำหนักของเสาเข็ม โดยใช้ลูกตุ้ม ทิ้งลงบันหัวเสาเข็ม (Dynamic Load Test)
  • การตรวจสอบด้วยคลื่นเสียงหรือเรียกว่าทดสอบความสมบูรณ์ของเสาเข็ม (Sonic Integrity Test)

มาตรฐานและข้อกำหนด

การทำเสาเข็มเจาะต้องเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดทางวิศวกรรม เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพของงาน ตลอดจนคำนึงถึงจรรยาบรรณในสัมมาอาชีพด้วย

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเสาเข็มเจาะและการเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับงานก่อสร้างของคุณ

ติดต่อได้ที่ เสาเข็มเจาะ.net  …………063-635-6359 …………………………..063-635-6395 

https://line.me/ti/p/qh-Py2HQJ7

……………………………….ไอดีไลน์ 0636356359 ………………………………………….อีเมล์ 6356359@gmail.com